วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน

16/9/2012
วันนี้ได้หยุดสักที แต่การบ้านที่ต้องส่งก็ยังมีอยู่เราเลยไม่ได้พักอีกแล้ว พอเราทำการบ้านได้นิดนึง เราก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ พอตื่นอีกที่ก็บ่ายแล้วเราจึงรีบทำการบ้านจนเสร็จและรอดู"หมวดโอภาส" เพราะอาทิตย์ที่แล้วเรียนชดเชย เลยอดดู อาทิตย์นี้จึงพลาดไมได้

บันทึกประจำวัน

15/9/2012
วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดแต่เราต้องมาเรียนชดเชยที่โรงเรียน(เรียนวิชาวันศุกร์) ผลจาการเล่นตัวเมื่อวานทำให้ตอนนี้เรายังไม่มีคู่สนทานา แต่โชคก็เข้าข้างเรา^^ เพราะมีเพื่อนไม่มาจึงมีคนเศษเราเลยมีคู่และหลายๆวิชาเราก็เคีร์ยงานเกือบเสร็จแล้วด้วย เย้ๆๆๆ

บันทึกประจำวัน

14/9/2012
วันนี้2คาบแรกเรียนภาษาจีน ครูบอกให้จับคู่กับเพื่อนสนทนา ตอนแรกเพื่อนชวนเราคู่ แต่เพราะเราเล่นตัวมากไปหน่อย เพื่อนเลยไปคู่กับอีกคน==! วันนี้เราเลยเซ็งนิดหน่อย แต่ชั่วโมงหน้าเราจะคู่กับใครล่ะ!!!!

บันทึกประจำวัน

13/9/2012
วันนี้เราคิดว่าจะตื่นเช้าๆไปโรงเรียน แต่ก็ยังตื่นสายอยู่ดี! พอมาถึงโรงเรียนเราจึงรีบขึ้นห้องเรียนเพื่อที่จะเอางานไปปริ้นท์ แต่กว่าจะปริ้นท์ได้ มีอุปสรรคเยอะมาก ทั้งลืมกระเป๋าตังค์ ลืมหน้าปกที่จะปริ้นท์แต่สุดท้ายก็ปริ้นท์ได้ และส่งงานได้ทัน วันนี้เราเลยรู้สึกดีเป็นพิเศษ

บันทึกประจำวัน

12/9/2012
วันนี้ตื่นไม่ทันรถมาโรงเรียน เพราะเมื่อคืนทำการบ้านจนดึกและยังลืมรัดผ้า พอถึงตอนเช้ารถมารอหน้าบ้านนานมาก เราไม่อยากให้คนอื่นไปโรงเรียนสายเราเลยตัดสินใจหยุด1วัน แล้วก็นั่งทำการบ้านและงานที่ค้างต่างๆ วันนี้เลยไม่ได้ออกไปไหนเลย
     

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สบู่เหลว

เดี๋ยวนี้สบู่เหลวได้รับความนิยมยิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลของความสะดวกสบายเป็นสำคัญ 
แต่คุณรู้ไหมว่า สบู่เหลวที่เราใช้กันอยู่นั้นไม่ใช่สบู่แต่เป็นสารเคมีล้วนๆ! สบู่เหลวที่ดีจริงๆจะต้องมี
ส่วนผสมของเนื้อสบู่อย่างน้อย 25 % แล้วที่เหลือเป็นน้ำ แต่ความเป็นจริงแล้วไม่มีสบู่เหลวแบบนี้
วางขายอยู่เลย เพราะผลิตภัณฑ์เกือบทุกชนิดที่วางขายอยู่นั้น เป็นแค่ใช้สารซักฟอกหรือดีเทอเจน
 ผสมกับสารเคมีสังเคราะห์อื่นๆ แล้วทำให้อยู่ในรูปของเหลว ซึ่งสารซักฟอกหรือดีเทอเจนก็คือสารเคมีหลัก 

ที่ใช้ในการผลิตแชมพู น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้น หรือแม้แต่น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำนั่นเอง 
จะผิดกันก็แต่ว่าความเข้มข้นของสารซักฟอกที่ใช้ทำสบู่เหลวมีความเจือจางกว่าเท่านั้น 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สบู่เหลว คงไม่เกิดขึ้นในฉับพลันทันที แต่จะสะสมเป็นปัญหาในระยะยาวได้ 
เพราะสารเคมีเหล่านี้จะแทรกซึมลงไปในผิวหนัง อวัยวะภายใน และกระแสเลือดได้ทุกครั้งที่เราอาบน้ำ SLS หรือ
 โซเดียมลอริลซัลเฟต เป็นตัวอย่างหนึ่งของสารเคมีหลักที่มักใช้ในสบู่(ลองไปพลิกพวกผลิตภัณฑ์ซักล้าง
ทุกอย่างดูนะคะ จะเห็นส่วนผสมนี้จริงๆ บางทีใช้ชื่อว่าลอริล) และเป็นสารเคมีอันตราย 

หลายประเทศในยุโรปและอเมริกามีกฏหมายห้ามใช้แล้ว และบางประเทศก็จำกัดให้มีการใช้น้อยลง 
แต่ในบ้านเรากลับใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งๆที่ SLS เป็นสารเคมีที่ดูดซึมผ่านผิวหนังได้ง่ายและรวดเร็ว 
สามารถสะสมอยู่ในดวงตา สมอง หัวใจ ตับ และก่อปัญหาในระยะยาว หากยิ่งมีการใช้ร่วมกับสารประกอบ
ตระกูลอามีน ก็จะกลายเป็นสารก่อมะเร็งในที่สุด 



เครดิต
http://www.innovaclub.net/SMF-Board/index.php?topic=13040.0

ยุกต์แรกของสบู่และผงซักฟอกในประเทศไทย

หากจะพูดถึงเรื่องราวของการซักผ้าของชาวสยามก่อนที่จะมีผงซักฟอกใช้แล้ว
หากเปรียบเทียบระหว่างสมัยก่อนกับสมัยนี้แล้ว
การซักผ้าในสมัยก่อนนั้นลำบากกว่าสมัยนี้อย่างเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว
หญิงชาวสยามสมัยก่อนจะมีอุปกรณ์การซักผ้าอย่างหนึ่งที่เราไม่เห็นกันแล้วสมัยนี้
นั่นก็คือไม้ทุบผ้า.. ที่เอาไว้ทุบคราบเหงื่อไคลบนเสื้อผ้าออก
ซึ่งการทุบให้คราบออกได้นั้น ก็จะต้องใช้แรงเยอะเลยค่ะ
กว่าจะซักเสร็จเนี่ย.. เรียกว่ากล้ามขึ้นกันเลย
แต่หากเป็นคราบสกปรกที่ติดแน่นหน่อย หญิงสยามจะใช้น้ำด่างจากขี้เถ้าไม้แสม
(หรือก็คือน้ำที่ได้จากการนำขี้เถ้าไม้แสมมาต้ม แล้วทิ้งค้างคืนไว้ให้ขี้เถ้าตกตะกอน)
มาใช้เป็นน้ำแช่ผ้าเพื่อสลายคราบสกปรกก่อนนำไปทุบหรือขยี้
หลังจากทุบหรือขยี้เสร็จแล้วก็อาจจะมีการนำไปต้มในลังถึง(ซึ้ง) เพื่อขจัดคราบเหงื่อไคลก่อน แล้วจึงนำมาล้างตากได้คนไทยใช้วิธีเหล่านี้ในการซักผ้ามานมนาน จนกระทั่งเมื่อประมาณ พ.ศ. 2470
ได้มีการนำสบู่เข้ามาใช้ในสยามเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเป็นที่ฮือฮาเลยทีเดียวค่ะ
เพราะพอสบู่เข้ามาในสยามตอนนั้น
ก็ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไทยไปหลายๆอย่าง
ซึ่งง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
จากการใช้ไม้ทุบผ้าซักผ้า.. ชาวสยามก็เริ่มใช้สบู่ซักผ้าแทน
จากการใช้มะขามเปียกอาบน้ำ.. ชาวสยามก็เริ่มใช้สบู่อาบน้ำแทน
จากการใช้มะนาวล้างจาน.. ชาวสยามก็เริ่มใช้สบู่ล้างจานแทน
สบู่สมัยนั้นเรียกว่าเป็นสบู่เอนกประสงค์เลยทีเดียวค่ะ
ก้อนเดียวใช้ชำระล้างคราบสกปรกได้ทุกอย่าง
แล้วสบู่สมัยนั้น ก้อนเท่าบ้านเลยนะเออ
อย่างสบู่ซันไลต์ ก้อนเบ้อเร่อแบบนี้

และหลังจากที่ชาวสยามใช้สบู่เอนกประสงค์กันได้ไม่นาน
ก็มีสุดยอดการคิดค้นสิ่งมหัศจรรย์ (สำหรับชาวสยามเวลานั้น)
นั่นก็คือผงซักฟอก ซึ่งมีการผลิตใช้ในสยามเมื่อปี พ.ศ. 2475
โดยยี่ห้อแรกที่มีขายคือ "พรรณอร" (ซื้อได้ที่รถขายยาเท่านั้น)
ซึ่งเป็นผงซักฟองที่ต้องละลายในน้ำเดือด ก่อนนำผ้าแช่ลงไปในนั้นแล้วบิดตาก
แต่ด้วยความที่มีกลิ่นสารเคมีค่อนข้างฉุน จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชาวสยามก็ได้รู้จักกับผงมหัศจรรย์ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอม และมีวิธีการซักที่ง่าย เพียงละลายกับน้ำแล้วนำผ้าลงขยี้
และแน่นอน.. ผงมหัศจรรย์ชนิดใหม่ที่ว่ามันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก..

(แฟ้บ เป็นผงซักฟอกที่เป็นที่นิยมยี่ห้อแรก สมัยนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
และถูกนำชื่อยี่ห้อมาใช้เรียกแทนผงซักฟอกทุกยี่ห้อไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว)