วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ยุกต์แรกของสบู่และผงซักฟอกในประเทศไทย

หากจะพูดถึงเรื่องราวของการซักผ้าของชาวสยามก่อนที่จะมีผงซักฟอกใช้แล้ว
หากเปรียบเทียบระหว่างสมัยก่อนกับสมัยนี้แล้ว
การซักผ้าในสมัยก่อนนั้นลำบากกว่าสมัยนี้อย่างเทียบกันไม่ได้เลยทีเดียว
หญิงชาวสยามสมัยก่อนจะมีอุปกรณ์การซักผ้าอย่างหนึ่งที่เราไม่เห็นกันแล้วสมัยนี้
นั่นก็คือไม้ทุบผ้า.. ที่เอาไว้ทุบคราบเหงื่อไคลบนเสื้อผ้าออก
ซึ่งการทุบให้คราบออกได้นั้น ก็จะต้องใช้แรงเยอะเลยค่ะ
กว่าจะซักเสร็จเนี่ย.. เรียกว่ากล้ามขึ้นกันเลย
แต่หากเป็นคราบสกปรกที่ติดแน่นหน่อย หญิงสยามจะใช้น้ำด่างจากขี้เถ้าไม้แสม
(หรือก็คือน้ำที่ได้จากการนำขี้เถ้าไม้แสมมาต้ม แล้วทิ้งค้างคืนไว้ให้ขี้เถ้าตกตะกอน)
มาใช้เป็นน้ำแช่ผ้าเพื่อสลายคราบสกปรกก่อนนำไปทุบหรือขยี้
หลังจากทุบหรือขยี้เสร็จแล้วก็อาจจะมีการนำไปต้มในลังถึง(ซึ้ง) เพื่อขจัดคราบเหงื่อไคลก่อน แล้วจึงนำมาล้างตากได้คนไทยใช้วิธีเหล่านี้ในการซักผ้ามานมนาน จนกระทั่งเมื่อประมาณ พ.ศ. 2470
ได้มีการนำสบู่เข้ามาใช้ในสยามเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเป็นที่ฮือฮาเลยทีเดียวค่ะ
เพราะพอสบู่เข้ามาในสยามตอนนั้น
ก็ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไทยไปหลายๆอย่าง
ซึ่งง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
จากการใช้ไม้ทุบผ้าซักผ้า.. ชาวสยามก็เริ่มใช้สบู่ซักผ้าแทน
จากการใช้มะขามเปียกอาบน้ำ.. ชาวสยามก็เริ่มใช้สบู่อาบน้ำแทน
จากการใช้มะนาวล้างจาน.. ชาวสยามก็เริ่มใช้สบู่ล้างจานแทน
สบู่สมัยนั้นเรียกว่าเป็นสบู่เอนกประสงค์เลยทีเดียวค่ะ
ก้อนเดียวใช้ชำระล้างคราบสกปรกได้ทุกอย่าง
แล้วสบู่สมัยนั้น ก้อนเท่าบ้านเลยนะเออ
อย่างสบู่ซันไลต์ ก้อนเบ้อเร่อแบบนี้

และหลังจากที่ชาวสยามใช้สบู่เอนกประสงค์กันได้ไม่นาน
ก็มีสุดยอดการคิดค้นสิ่งมหัศจรรย์ (สำหรับชาวสยามเวลานั้น)
นั่นก็คือผงซักฟอก ซึ่งมีการผลิตใช้ในสยามเมื่อปี พ.ศ. 2475
โดยยี่ห้อแรกที่มีขายคือ "พรรณอร" (ซื้อได้ที่รถขายยาเท่านั้น)
ซึ่งเป็นผงซักฟองที่ต้องละลายในน้ำเดือด ก่อนนำผ้าแช่ลงไปในนั้นแล้วบิดตาก
แต่ด้วยความที่มีกลิ่นสารเคมีค่อนข้างฉุน จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชาวสยามก็ได้รู้จักกับผงมหัศจรรย์ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอม และมีวิธีการซักที่ง่าย เพียงละลายกับน้ำแล้วนำผ้าลงขยี้
และแน่นอน.. ผงมหัศจรรย์ชนิดใหม่ที่ว่ามันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก..

(แฟ้บ เป็นผงซักฟอกที่เป็นที่นิยมยี่ห้อแรก สมัยนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
และถูกนำชื่อยี่ห้อมาใช้เรียกแทนผงซักฟอกทุกยี่ห้อไปช่วงหนึ่งเลยทีเดียว)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น